สวัสดีเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ที่ติดตาม ลอฟท์เกม LOFTSGAME ทุกท่านด้วยนะครับ พบกับผม "อัจ ลอฟท์เกม" และการรีวิวจากผมเช่นเคยนะครับ วันนี้ผมจะมารีวิวเครื่องเล่นเกมรุ่นใหม่ล่าสุดที่กำลังฮอต และเป็นที่ต้องการของใครหลาย ๆ คนในตอนนี้ นั่นก็คือเครื่อง PlayStation 5 Pro หรือ PS5 Pro นั่นเองครับ ซึ่งหลาย ๆ คน อาจจะได้รับเครื่องกันไปแล้วตั้งแต่ 7 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา หลังจากทาง Sony Thai และร้าน PlayStation Authorized Dealer ต่าง ๆ ได้เปิดให้สาวกได้ซื้อกันวันแรก เอาละ เพื่อไม่เป็นการเสียเวลา เดี๋ยวเรามารีวิวกันเลยครับ !!
Intro บทนำ
หลังจากที่เครื่องเล่นเกม PlayStation 5 วางจำหน่ายมาแล้วถึง 3 ปีในที่สุดแล้วกาลเวลาก็ถึงคราวที่ทำให้ต้องเปิดตัวเครื่องเล่นเกมรุ่นใหม่ อย่าง "PlayStation 5 Pro หรือ PS5 Pro" ที่มีการอัพเกรดทั้งตัวเครื่องภายนอกที่สวยขึ้น มีแถบช่องระบายอากาศด้านข้างเป็นซี่ ๆ 3 แถบ ตัวเครื่องบางกว่า PS5 ตัวแรกแต่ความสูงใกล้เคียงกัน โดย PS5 Pro มีเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด คือ Playstation Spectral Super Resolution หรือ PSSR ที่ใช้ความสามารถของ AI ช่วย Upscale ภาพของเกมให้คมชัดและมีรายละเอียดมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงการรองรับ Ray Tracing ที่พัฒนาให้ดีขึ้นกว่าเดิม มีการสะท้อนบนพื้นผิววัตถุได้ดีกว่าตัว PlayStation 5 เดิมมาก ๆ และมาพร้อมความจุ SSD ในตัวที่มีมาให้ถึง 2TB แรม GPU แบบ GDDR6 16GB และแรม DDR5 แยกออกมาอีก 2GB สำหรับการทำงานของระบบ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดสรรทรัพยากรภายในเครื่อง เพื่อการเล่นเกมที่ดีขึ้นกว่าเดิมครับ
ซึ่งทาง Sony Thai ได้เปิดราคาของ PS5 Pro อยู่ที่ 29,490 บาท ราคาเครื่องนั้นค่อนข้างสูงมาก ๆ ครับ เพื่อน ๆ ที่มี PS5 ตัวแรก และ Slim อยู่แล้ว อาจจะคิดหนักแน่ ๆ สำหรับการอัพเกรดในรอบนี้ ซึ่งอันนี้ขึ้นอยู่กับงบประมาณ และความต้องการของแต่ละคนครับ แต่แนะนำว่าสำหรับคนที่ยังคิดหนัก หรืองบยังไม่พอ ควรรอให้เกมต่าง ๆ รองรับ PS5 Pro ซึ่งเกมใหม่ ๆ ในอนาคต ทำมารองรับแน่นอนครับ
โดยเครื่อง PS5 Pro ที่ผมจะมารีวิวในครั้งนี้นั้น ทางผมเองได้สั่งจองมาด้วยตนเอง จ่ายเงินกันไปเหนาะ ๆ 29,490 บาท ดังนั้นรีวิวนี้จึงถือว่าเป็น Consumer Review สั่งจอง รีวิว และซื้อมาใช้งานเองครับ ซึ่งผมได้ทำการสั่งจองและซื้อกับร้าน GameStart ไว้ครับ
Tech Spec สเปกเครื่อง PS5 Pro
- CPU - x86-64-AMD Ryzen™ “Zen 2” 8 Cores / 16 Threads
- GPU - AMD Radeon™ RDNA 2-based graphics engine รองรับ Ray Tracing Acceleration (16.7 TFLOPS)
- System Memory - GDDR6 16GB และ DDR5 2GB สำหรับระบบ
- SSD Storage - ขนาดความจุ 2TB (สามารถใส่ SSD M.2 เพิ่มได้ 1 ช่อง)
- Graphic Output - HDMI™ OUT รองรับ 4K 120Hz TVs, 8K TVs, VRR (HDMI ver.2.1)
- Input/Output - Type-A port (Super-Speed USB 10Gbps) x2 / USB Type-C® port (Super-Speed USB 10Gbps) x2
- Networking - Ethernet (10BASE-T, 100BASE-TX, 1000BASE-T) / WIFI 7 / Bluetooth 5.1
ขนาดของเครื่อง PS5 Pro, น้ำหนัก และอัตราการกินไฟ
- ขนาด 388 มม. x 89 มม. x 216 มม. (กว้าง x สูง x หนา) (ไม่รวมฐานตั้งเครื่อง - มีจำหน่ายแยก)
- น้ำหนัก : 3.1 กิโลกรัม
- อัตราการกินไฟ : 390 วัตต์
Unbox แกะกล่อง
เมื่อแกะฝาบนของกล่องออกมา คุณก็จะพบกับ จอย DualSense 1 ตัว / ขาตั้งสำหรับวางเครื่องแนวนอน 1 คู่ / สายไฟ AC 1 เส้น / สาย USB Type C to USB Type C 1 เส้น / สาย HDMI 1 เส้น และคู่มือการใช้งานครับ โดยจอย DualSense ก็ยังเป็นจอยแบบเดิม ไม่ได้มีการอัพเกรด หรือเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใดครับ จึงขอข้ามการรีวิวจอย DualSense ออกไปนะครับ หากต้องการอ่านรีวิว DualSense ด้วย รวมไปถึง PS5 ตัวแรก สามารถอ่านได้บนบทความรีวิว PS5 ตาม ลิงค์นี้ ครับ
ต่อมาไม่รอช้า เรามาที่ตัวเครื่องกันเลยดีกว่าครับ เมื่อเปิดแผ่นโฟมที่ห่อเครื่องมา คุณก็จะพบกับหน้าตาของเจ้าเครื่อง PlayStation 5 Pro ของจริงแล้ว มาพร้อมดีไซน์ตัวเครื่องสีขาวล้วนตัดกับสีดำตรงกลางที่เป็นช่องระบายอากาศ และมาพร้อมสันกลางที่ยังคงเป็นสีดำเงา Grossy เหมือนเดิม เป็นรอยง่ายและดูดฝุ่นมาเกาะง่ายเหมือนเดิม ถึงคุณจะใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์ที่ดีที่สุดบนโลกใบนี้ ยังไงมีก็รอยขนแมวครับ ตัวฝาเครื่องด้านข้างทั้งสองด้านจะเป็นชิ้นพลาสติกสีขาวด้านแยกกันเป็น 4 ส่วน โดยฝาข้างของตัว PS5 Pro นั้นสามารถให้ผู้ใช้งานถอดออกได้อย่างง่ายดายมาก ๆ ครับ ง่ายกว่าตัวแรกเสียอีก เพียงแค่งัดขอบขึ้นเท่านั้นเอง ต่างจาก PS5 ตัวแรก ที่ต้องง้างมุมแล้วดัน ซึ่งถ้าคนแกะไม่ชำนาญอาจสร้างริ้วรอยบนตัวเครื่องได้ครับ
โดยถ้าเราแกะฝาข้างด้านล่างฝั่งขวา จะมี Slot สำหรับใส่ Disc Drive ได้เพิ่มเติมได้ครับ (จำหน่ายแยก) และอีกสิ่งที่ชอบมาก ๆ คือ รอบนี้ PS5 Pro สามารถเปลี่ยนถ่าน CMOS ได้อย่างง่ายดายแล้วครับ ไม่ต้องแกะทั้งเครื่องแล้ว ซึ่งถ่าน CMOS ตรงนี้จะทำหน้าที่เป็นไฟเลี้ยงให้กับ BIOS ของเครื่อง ทำให้เราไม่ต้องตั้งค่าต่าง ๆ รวมไปถึงไม่ต้องตั้งเวลาและวันที่ใหม่ทุกครั้งที่ใช้งานนั่นเองครับ โดยปกติถ่านพวกนี้จะมีอายุการใช้งานราว ๆ 5 ปีครับ
ตัวเครื่อง PlayStation 5 สีขาวนวล ตัดสีดำ
ด้านหน้าของเครื่อง
ด้านหลัง มีช่องระบายความร้อนออก และพอร์ตการเชื่อมต่อต่าง ๆ
มาดูชัด ๆ ด้านหลังมีพอร์ต USB Type A 3.1 Super Speed 10Gbps จำนวน 2 ช่อง พอร์ต Lan สำหรับต่ออินเตอร์เน็ต ความเร็ว 1Gbps 1 ช่อง และพอร์ต HDMI 2.1 จำนวน 1 ช่องครับ
ปุ่ม Power พร้อมพอร์ต USB Type C Super Speed 10Gbps จำนวน 2 ช่อง ด้านหน้าเครื่อง
ฐานล่างเครื่อง ระบุชัดเจนว่าคือ SONY PlayStation 5 โดยเครื่องศูนย์ไทยทุกเครื่อง ต้องมีตรามาตรฐานอุตสาหกรรม หรือ มอก. ซึ่งอันนี้แปะมาดีกว่าตัว PS5 Slim ที่แปะไว้บนตัวเครื่องครับ
First Time Use การใช้งานครั้งแรก
ก็เสียบปลั้กต่าง ๆ ให้เรียบร้อย ไม่ว่าจะเป็นสาย AC สาย HDMI สาย LAN จากนั้นกดสวิตซ์ที่หน้าเครื่องได้เลย ภาพแรกที่เจอจะเป็นการเชื่อมต่อกับ DualSense เพื่อให้เครื่องเรารู้จักกับ DualSense เสียก่อน โดยให้เราเสียบผ่านสาย USB ที่แถมมา แล้วกดที่ปุ่มโลโก้ PS ที่จอย จากนั้นก็เลือกภาษา (แนะนำว่าให้เลือกภาษาไทยดีกว่า เวลาตั้งค่าครั้งแรกจะได้ง่าย ๆ ) ให้ทำการตั้งค่าต่าง ๆ ของเครื่อง ไม่ว่าเป็นการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต ล็อกอิน PSN ID (อันนี้จำเป็นนะ ถ้าใครยังไม่มี ไม่ได้สมัคร ก็สมัครได้ที่ https://id.sonyentertainmentnetwork.com/id/create_account_ca/ แล้วกรอกข้อมูลตามจริงครับ)
เมื่อตั้งค่าอะไรต่าง ๆ จนแล้วเสร็จก็มาถึงหน้า Home ของเครื่อง PlayStation 5 Pro แล้ว คุณสามารถแบ็กอัพไฟล์เซฟเกมที่บันทึกไว้ในคลาวด์ (หากคุณเป็นสมาชิก PS Plus รายเดือนหรือรายปี) มาไว้ใน SSD เครื่อง และเกมของ PS4 ทั้งหมดที่อยู่ Ext.HDD สามารถนำมาเสียบเข้ากับเครื่อง PlayStation 5 Pro ได้ทันทีผ่านช่อง USB โดยเครื่องจะมองเห็นเกมที่เราติดตั้งใน Ext.HDD / Ext.SSD โดยอัตโนมัติ และมันจะดำเนินติดตั้งตัวอัพเดทไฟล์ล่าสุดของแต่ละเกมขึ้นมาเอง (แนะนำว่าต้องเป็น PSN ID เดิมที่ใช้ซื้อเกมมา) ถือว่าสะดวกสบายเลย ไม่ต้องมานั่งลงเกมใหม่ทั้งหมดให้เสียเวลา ส่วนหน้าตาเมนูของ PS5 Pro ก็เหมือนเดิมครับ ไม่ได้แตกต่างจาก PS5 ตัวปกติและ Slim เพราะใช้ระบบ OS System Software เดียวกัน
Game Installation การติดตั้งเกม
การติดตั้งเกมบนเครื่อง PS5 Pro สามารถติดตั้งตัวเกมได้ทั้งเวอร์ชั่น PS4 และ PS5 และรองรับเกม PS4 ได้เกือบทั้งหมดถึง 99% บางตัวอัพเกรดไปเวอร์ชั่น PS5 ให้ด้วย โดยเกม PS5 สามารถติดตั้งได้บน SSD ในเครื่อง และ M.2 SSD ที่ซื้อมาใส่เพิ่มเท่านั้น ไม่สามารถติดตั้งบน Ext.HDD หรือ Ext.SSD ที่เสียบกับช่อง USB ได้ ส่วนเกม PS4 สามารถเลือกได้ 3 ตัวเลือกเลยว่าจะติดตั้งบน SSD ในเครื่อง M.2 SSD หรือ Ext.HDD/Ext.SSD และตั้งค่าได้ว่าติดตั้งเกม PS4 ทุกครั้งให้ติดตั้งบน Ext.HDD/Ext.SSD เพียงอย่างเดียวก็ได้ครับ
โดยความจุของ SSD ที่ติดเครื่อง PS5 Pro มานั้นจะอยู่ที่ 2TB ซึ่งส่วนตัวก็คิดว่าเหลือแหล่แล้วสำหรับการใช้งานทั่วไป แต่ถ้าคุณมีเกมในคลังเยอะ PS5 Pro ก็มีช่อง SSD Expansion ว่าง ๆ มาให้ 1 Slot เหมือนเดิมครับ โดยเราสามารถหาซื้อ SSD M.2 มาใส่เพิ่มเติมได้ สำหรับ SSD M.2 ที่ผมแนะนำ และการติดตั้ง SSD M.2 บนเครื่อง PS5 Pro นั้น สามารถคลิกเพื่อดูรีวิวได้ที่ ลิงค์นี้ ครับผม
Loading Time ผมบอกเลยว่าเป็นอะไรที่ประทับใจมากๆ ถ้าติดตั้งเกมบน SSD ในของเครื่องจะโหลดเกมเร็วมาก บางเกมแทบไม่เห็นหน้า Loading เลยด้วยซ้ำ เท่าที่จับเวลาโหลดแอบเร็วกว่า PS5 ตัวอ้วน แต่ไม่ได้เร็วจนเห็นความแตกต่างนะครับ อยู่ที่ระดับวินาทีเท่านั้น ส่วนถ้าเล่นเกม PS4 จาก Ext.HDD นั้นความเร็วในการ Loading ไม่ได้ต่างจากสมัย PS4 Pro แต่อย่างใด เพราะการทดสอบของผมนั้นคือการโหลดเกมจาก HDD นั่นเองครับ
Graphic and Frame Rate กราฟิกและเฟรมเรต
กราฟิกและเฟรมเรตของเกม เท่าที่ผมได้ทำการทดสอบกับเกมหลาย ๆ เกมของ PS5 ที่มีการอัพเดท Patch ให้รองรับ PS5 Pro แล้ว (PS5 Pro Enhanced) ก็ให้ผลที่น่าพึงพอใจมาก ๆ แม้ตัวรายละเอียด Texture ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก แต่ที่เห็นได้ชัดคือในเรื่องคมชัด ความละเอียดของภาพ และวัตถุที่อยู่ระยะไกลออกไป ที่บางเกมมีตั้งค่าเป็น Pro Mode ที่ให้คุณภาพของกราฟิกแบบ Fidelity Mode บน PS5 นั้นสามารถทำเฟรมเรตได้ 60FPS บนเครื่อง PS5 Pro (จาก PS5 เดิมคือ 30FPS) โดยไม่พบอาการกระตุก หรือสะดุดแต่อย่างใด โดย ผมลองกับเกม PS5 ที่มีการอัพเดท Patch เป็น PS5 Pro Enhanced แล้ว อย่างเกม Marvel' Spider-Man Remaster + Miles Morales / Horizon Forbitden West / Star Wars Jedi Survivor / The Last of Us Part I + Part II Remastered ผลปรากฎว่า ภาพคมชัดขึ้น มุมมองระยะไกลมีรายละเอียดที่ดีขึ้น และให้เฟรมเรตที่ลื่นไหล 60FPS หรือ 120FPS หากจอนั้นรองรับ VRR ครับ
แต่ทว่าในส่วนกราฟิกของเกมนั้น จะมีผลกับเกมที่ได้รับการอัพเกรดเป็นเวอร์ชั่น PS5 Pro โดยตรงเท่านั้น ส่วนเกมที่ยังไม่ได้มีการอัพเดท Patch เพิ่มเติม กราฟิกไม่ได้ต่างจาก PS5 ตัวปกติแต่อย่างใดครับ
Cooling System ระบบระบายความร้อน
ในจุดนี้บอกเลยว่าทำออกมาดีมาก ๆ ตั้งแต่ตัวอ้วนแล้วครับ สำหรับการระบายความร้อนของเครื่อง เพราะดูดลมเย็นจากทางด้านหน้าเครื่องและเป่าลมร้อนออกทางด้านหลังเครื่องตามหลักระบายความร้อนทุกประการ เพราะผมลองเล่นเกมยาวต่อเนื่องเกือบ 4 ชั่วโมง พบว่าไม่ค่อยมีความร้อนสะสมภายในเครื่องมากมายเท่าไหร่ โดยพัดลมโบลเวอร์และฮีตซิงค์ขนาดใหญ่ภายในเครื่องสามารถปัดเป่าระบายความร้อนออกมาได้ดี จับตัวเครื่องดูก็แค่อุ่น ๆ เท่านั้นครับ ส่วนพัดลมโบลเวอร์ต้องบอกเลยว่าทำงานได้ค่อนข้างเงียบมาก จนถึงกับต้องหูเงี่ยฟังดูว่าตรงช่องดูดอากาศด้านหน้าพัดลมมันทำงานหรือเปล่า แต่ถ้าบรรยากาศภายในบ้านเงียบสงัดจริง ๆ ก็อาจจะได้ยินเสียงพัดลมอยู่บ้าง หากนั่งใกล้ ๆ เครื่องแบบผม
สรุป
PS5 Pro ถือว่าเป็นการอัพเกรดเครื่องเล่นเกม PS5 เดิม ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เล่นเกมทีได้ลื่นไหลมากขึ้น กราฟิกสวยงามขึ้น ถ้าใครชอบเล่นเกมคอนโซล และเป็นสาวกของ PlayStation แล้ว ผมว่า PS5 Pro ต้องเป็นเครื่องเล่นเกมที่พลาดไม่ได้ที่จะเป็นเจ้าของอย่างแน่นอนครับ สำหรับใครที่ยังลังเลอยู่ หรืองบประมาณยังไม่เพียงพอ แนะนำว่ารอให้มีเกมที่ดึงประสิทธิภาพของ PS5 Pro ให้มากกว่านี้ก่อนครับ แต่ผมเชื่อว่าเกมใหม่ ๆ หลังจากนี้จะรองรับ PS5 Pro หลายเกมแน่นอนครับ
ส่วนใครที่ซื้อไปแล้ว แนะนำให้เก็บใบเสร็จรับเงินเก็บไว้ให้ดี เพราะมันเป็นหลักฐานในการรับประกันสินค้า และอย่าลืมลงทะเบียนรับประกันสินค้าที่ https://www.playstation.com/th-th/support/hardware/warranty/ กันด้วยนะครับ จะได้ไม่พลาดการต่ออายุการรับประกันเพิ่มขึ้นอีก 3 เดือนเป็นระยะเวลารวมเป็น 1 ปี 3 เดือนครับ
จุดเด่น
- ดีไซน์เครื่องออกมาสวยงามตามแบบฉบับสีขาวตัดสีดำ มาพร้อมช่องระบายความร้อนสีดำด้านข้าง ช่วยระบายความร้อนได้ดีมากขึ้น
- ความจุ SSD ภายในเครื่องให้มามากถึง 2TB เก็บเกมที่ชอบเล่นได้มากขึ้นกว่าเดิม และยังมีช่องสำหรับใส่ SSD M.2 เสริมมาให้เหมือนเดิม
- การอัพเกรดในด้านความคมชัด และความละเอียดของภาพที่ดีขึ้น ด้วย PSSR เฟรมเรตดีขึ้น รองรับ Ray Tracing ได้ดีมากขึ้น เพิ่มการสะท้อนวัตถุภายในเกมให้สมจริงยิ่งขึ้น ดีกว่าบน PS5 ตัวปกติในเกมที่รองรับ PS5 Pro Enhanced
- Ext.HDD และ SSD M.2 ที่ติดตั้งเกม PS5 และ PS4 ไว้ตอนเครื่องเดิม สามารถเสียบใช้งานบน PS5 Pro ได้ทันที หากล็อกอินด้วย PSN ID เดิม ไม่ต้องติดตั้งเกมใหม่ทั้งหมดให้เสียเวลา
ข้อสังเกต
- กรอบตัวเครื่องตรงกลางใช้วัสดุเป็นพลาสติกดำเงาที่เป็นรอยนิ้วมือ คราบฝุ่น และรอยขนแมวขึ้นง่ายมากเหมือนเดิม ต่อให้รักษาดีแค่ไหนก็ตามก็เป็นรอย (แนะนำให้หาสติ๊กเกอร์กันรอยมาติดน่าจะดีที่สุด)
- ความแตกต่างในเรื่องของกราฟิก มีเฉพาะเกมที่รองรับ PS5 Pro Enhanced เท่านั้น ส่วนเกมที่ยังไม่รองรับ ไม่ต่างจาก PS5 ตัวปกติแต่อย่างใด
- ไม่มี Drive สำหรับใส่แผ่นเกม (Disc Drive) และ ไม่มีฐานสำหรับตั้งเครื่องแนวตั้ง (Vertical Stand) มาให้ ต้องซื้อแยกต่างหาก
- เครื่องราคาค่อนข้างแพงมาก ณ ตอนนี้
หมายเหตุ : รีวิวนี้เป็น Consumer Review (CR) โดยผู้เขียนทำการสั่งจองสินค้าและชำระเงินซื้อด้วยตนเองแบบผู้ใช้งานทั่วไป ไม่มีบุคคลหรือแบรนด์สนับสนุนส่งสินค้าสำหรับรีวิวแต่อย่างใด
#PS5Pro #PlayStation5Pro #PlayHasNoLimit #SONY #LOFTSGAME